ทำสเต็กของเนื้อแต่ละส่วนอย่างไรให้อร่อยเพื่อเสริมสร้างเสน่ห์ปรายจวัก

halal beef jerky

เนื้อแต่ละส่วนมีอะไรบ้าง ?

การทำสเต็กที่อร่อยเริ่มต้นจากการเลือกเนื้อคุณภาพดีและการปรุงอย่างมืออาชีพ นี่คือวิธีการทำสเต็กจากเนื้อส่วนต่าง ๆ ที่จะทำให้คุณและครอบครัวได้ลิ้มลองความอร่อยอย่างเต็มที่ :

1. เนื้อสันใน ( Tenderloin Beef )

ลักษณะของเนื้อสันใน :

  • เนื้อสันในเป็นเนื้อส่วนที่นุ่มที่สุดในส่วนของเนื้อวัว มีไขมันน้อยและไม่มีเส้นใยเนื้อที่ทำให้เหนียว
  • เหมาะสำหรับการทำสเต็กแบบลีน ซึ่งต้องการความนุ่มเป็นพิเศษ

วิธีทำ:

1. เตรียมเนื้อ: หั่นเนื้อสันในให้เป็นชิ้นหนา (ประมาณ 1-2 นิ้ว) แล้วนำไปหมักกับเกลือและพริกไทยดำ ตามความชอบ

2. ตั้งกระทะ: ใช้กระทะเหล็กหรือกระทะที่มีความร้อนสูง ตั้งไฟให้ร้อนจัด

3. ย่างเนื้อ: วางเนื้อที่หมักแล้วลงบนกระทะ รอให้เกิดเปลือกกรอบที่ด้านล่างแล้วกลับด้าน ทำซ้ำจนสุกตามต้องการ (ประมาณ 2-4 นาทีต่อด้านสำหรับสเต็กระดับ Medium Rare)

4. พักเนื้อ: หลังจากย่างเสร็จ ให้พักเนื้อสัก 5 นาทีเพื่อให้เนื้อมีเวลาในการพักตัวและน้ำซึมกลับเข้าเนื้อ

เมนูแนะนำ :

สเต็กสันในแบบคลาสสิก : เสิร์ฟพร้อมกับซอสเห็ดและผักสด เช่น หน่อไม้ฝรั่ง หรือแครอทอบ

2. เนื้อริบอาย ( Ribeye Beef )

ลักษณะของเนื้อริบอาย :

  • เนื้อริบอายมีไขมันแทรกอยู่ทั่วชิ้นเนื้อ ทำให้มีรสชาติอร่อยและความฉ่ำ
  • ไขมันที่แทรกอยู่ช่วยเพิ่มรสชาติและทำให้เนื้อไม่แห้ง

วิธีทำ:

1. เตรียมเนื้อ : หั่นเนื้อริบอายให้เป็นชิ้นหนา (ประมาณ 1-2 นิ้ว) แล้วหมักด้วยเครื่องเทศและสมุนไพร เช่น โรสแมรี่ หรือไทม์

2. ตั้งกระทะ : ใช้กระทะที่มีความร้อนสูงเหมือนเดิม

3. ย่างเนื้อ : วางเนื้อที่หมักแล้วลงบนกระทะ รอจนมีเปลือกกรอบและกลับด้าน ทำซ้ำจนสุกตามความชอบ ( ประมาณ 3-5 นาทีต่อด้านสำหรับระดับ Medium Rare )

4. เพิ่มรสชาติ : ทาซอสบาร์บีคิวลงไปขณะย่างในช่วงท้ายหรือหลังจากย่างเสร็จ

เมนูแนะนำ:
สเต็กริบอายซอสบาร์บีคิว : เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งบดและผักอบ เช่น มันฝรั่ง หรือบรอคโคลี

3. เนื้อสันนอก (Chuck)

ลักษณะของเนื้อสันนอก :

  • เนื้อสันนอกมีรสชาติที่เข้มข้นและมีไขมันเล็กน้อย ซึ่งช่วยเพิ่มรสชาติเนื้อ
  • เนื้อสันนอกเหมาะสำหรับการทำสเต็กที่มีรสชาติหนักแน่น

วิธีทำ:

1. เตรียมเนื้อ: หั่นเนื้อสันนอกให้เป็นชิ้นหนา (ประมาณ 1-2 นิ้ว) แล้วหมักด้วยเกลือ, พริกไทย, และกระเทียมสับ

2. ตั้งเตาไฟ: ใช้เตาไฟหรือกระทะร้อนจัด

3. ย่างเนื้อ: วางเนื้อที่หมักลงบนเตาไฟ รอให้เกิดเปลือกกรอบที่ด้านล่างแล้วกลับด้าน ทำซ้ำจนสุกตามความต้องการ (ประมาณ 4-6 นาทีต่อด้านสำหรับระดับ Medium)

4. พักเนื้อ : หลังจากย่างเสร็จ ให้พักเนื้อสัก 5 นาที

เมนูแนะนำ:

  • สเต็กสันนอกสไตล์อิตาเลียน : เสิร์ฟพร้อมกับซอสทาร์ทาร์ (ซอสที่ทำจากมายองเนส, มะเขือเทศ, และเครื่องเทศ) และสลัดผักสด เช่น ผักกาดหอม หรือมะเขือเทศ

การทำสเต็กจากเนื้อแต่ละชนิดนี้ให้รสชาติที่แตกต่างกันและเหมาะสำหรับการใช้ส่วนต่างๆ ของเนื้อวัวให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการทำตามวิธีการที่ระบุไว้จะช่วยให้ได้สเต็กที่มีคุณภาพและอร่อยในแบบที่คุณต้องการ

เทคนิคการทำสเต็กเนื้อแต่ละส่วนจากเชฟชื่อดัง

1. เชฟเอียน กิตติชัย (Chef Ian Kittichai)

เทคนิค :

  • เลือกเนื้อคุณภาพ : เชฟเอียนเลือกใช้เนื้อที่มีคุณภาพดีจากท้องถิ่นเพื่อความสดและรสชาติที่ยอดเยี่ยม
  • หมักเนื้อ : เชฟเอียนหมักเนื้อด้วยสมุนไพรไทย เช่น ตะไคร้, ใบมะกรูด, และพริกขี้หนู ผสมกับน้ำมันมะกอกและซีอิ๊วขาว
  • การย่าง : ใช้กระทะเหล็กที่ร้อนจัด วางเนื้อที่หมักแล้วลงไปย่างให้ด้านหนึ่งมีเปลือกกรอบ แล้วพลิกด้าน ทำซ้ำจนได้ความสุกที่ต้องการ
  • พักเนื้อ : หลังจากย่างเสร็จ พักเนื้อไว้ประมาณ 5-7 นาทีเพื่อให้น้ำในเนื้อกลับมาสู่เนื้อ

แหล่งที่มา : Kittichai Bangkok

2. เชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร (Chef Ton Tassanakajohn)

เทคนิค :

  • เลือกเนื้อ : เชฟต้นใช้เนื้อวัวคุณภาพสูงจากผู้ผลิตท้องถิ่น
  • หมักเนื้อ : เชฟต้นใช้ซอสหมักสูตรพิเศษ ประกอบด้วยซีอิ๊วขาว, ซอสหอยนางรม, กระเทียมสับ, และพริกไทยดำ
  • การย่าง : ใช้กระทะเหล็กหรือกระทะย่างที่ร้อนจัด วางเนื้อที่หมักแล้วลงไปย่างจนเกิดเปลือกกรอบและพลิกด้าน
  • พักเนื้อ : หลังจากย่างเสร็จ พักเนื้อไว้ประมาณ 5-7 นาทีเพื่อให้เนื้อมีเวลาในการพักตัวและน้ำซึมกลับเข้าเนื้อ

แหล่งที่มา : Le Du Restaurant

3. เชฟกอร์ดอน แรมซีย์ (Chef Gordon Ramsay)

เทคนิค :

  • เลือกเนื้อ : ใช้เนื้อคุณภาพสูง เช่น เนื้อริบอาย หรือเนื้อสันใน
  • เตรียมเนื้อ : ปรุงเนื้อด้วยเกลือทะเลและพริกไทยดำบดใหม่
  • การย่าง : ใช้กระทะเหล็กที่ร้อนจัด ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย วางเนื้อลงไปย่างจนมีเปลือกกรอบ พลิกด้าน และย่างให้สุกตามต้องการ
  • เพิ่มรสชาติ : ใส่เนย, กระเทียม, และโรสแมรี่ลงไปในกระทะระหว่างย่าง เพื่อเพิ่มรสชาติและความหอม
  • พักเนื้อ : หลังจากย่างเสร็จ พักเนื้อไว้ประมาณ 5-10 นาที

    แหล่งที่มา: Gordon Ramsay’s Perfect Steak Recipe

4. เชฟเจมี่ โอลิเวอร์ (Chef Jamie Oliver)

เทคนิค :

  • เลือกเนื้อ : เนื้อริบอาย หรือเนื้อสันนอกคุณภาพสูง
  • เตรียมเนื้อ : ปรุงเนื้อด้วยเกลือทะเลและพริกไทยดำ ใส่สมุนไพรสด เช่น โรสแมรี่ และใบเสจ
  • การย่าง : ใช้กระทะเหล็กที่ร้อนจัด ใส่น้ำมันมะกอก วางเนื้อลงไปย่างจนมีเปลือกกรอบ พลิกด้าน และย่างจนสุกตามต้องการ
  • เพิ่มรสชาติ : ใส่เนย, กระเทียม และสมุนไพรสดเพิ่มเติมลงในกระทะระหว่างย่าง เพื่อเพิ่มรสชาติและความหอม
  • พักเนื้อ : หลังจากย่างเสร็จ พักเนื้อไว้ประมาณ 5-10 นาที
  • แหล่งที่มา : Jamie’s Perfect Steak

5. เชฟโทมัส เคลเลอร์ (Chef Thomas Keller)

เทคนิค :

  • เลือกเนื้อ : ใช้เนื้อคุณภาพสูง เช่น เนื้อริบอาย หรือเนื้อสันนอก
  • เตรียมเนื้อ : ปรุงเนื้อด้วยเกลือและพริกไทยดำ
  • การย่าง : ใช้กระทะเหล็กที่ร้อนจัด ใส่น้ำมันเล็กน้อย วางเนื้อลงไปย่างจนมีเปลือกกรอบ พลิกด้าน และย่างให้สุกตามต้องการ
  • เพิ่มรสชาติ : ใส่เนย, กระเทียม, และไทม์ลงไปในกระทะระหว่างย่าง เพื่อเพิ่มรสชาติและความหอม
  • พักเนื้อ : หลังจากย่างเสร็จ พักเนื้อไว้ประมาณ 5-10 นาที
  • แหล่งที่มา : Thomas Keller’s Steak Guide

ทำไมการทำสเต็กเนื้อแต่ละส่วน ต้องมีการพักเนื้อ

1. กระจายความร้อนในเนื้อ (Heat Redistribution):

  • หลังจากการทำสเต็ก การพักเนื้อช่วยให้ความร้อนที่สะสมอยู่ในเนื้อกระจายไปทั่วอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เนื้อสเต็กสุกทั่วถึงและไม่เกิดการสุกไม่เท่ากัน

2. การกระจายของน้ำในเนื้อ (Juice Redistribution):

  • เมื่อเนื้อถูกทำให้สุก การพักเนื้อช่วยให้ของเหลวที่อยู่ในเนื้อกระจายตัวออกจากบริเวณที่มีความร้อนสูงไปยังพื้นที่ที่มีความร้อนต่ำกว่า หากไม่พักเนื้อ น้ำจะถูกกดออกเมื่อหั่นเนื้อ ซึ่งทำให้เนื้อแห้งและไม่อร่อย

3. การเพิ่มความนุ่มในเนื้อ (Tenderizing):

  • การพักเนื้อช่วยให้เนื้อมีเวลาสำหรับการคลายความตึงและอ่อนนุ่มลง ทำให้เนื้อสเต็กมีความนุ่มและกินง่ายมากขึ้น

4. การปรับความร้อนในเนื้อ (Temperature Adjustment):

  • การพักเนื้อช่วยให้เนื้อมีเวลาสำหรับการคลายความตึงและอ่อนนุ่มลง ทำให้เนื้อสเต็กมีความนุ่มและกินง่ายมากขึ้น

ทำไมเนื้อของเราจึงเหนือกว่าในการทำสเต็ก

สเต็กเนื้อกำลังย่างบนเตาไฟแบบมีรอยย่างที่ชัดเจน

ที่ Superior Quality Food เราใช้เนื้อที่มีคุณภาพสูงสุดจาก Angus Charolais ที่มีคุณภาพดีที่สุดในตลาด เนื้อของเรามีความนุ่ม รสชาติอร่อย และได้มาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับ เรามั่นใจว่าเนื้อของเราจะทำให้ทุกมื้ออาหารของคุณพิเศษและน่าจดจำ

การรับรองฮาลาล

เนื้อของเราได้รับการรับรองฮาลาล ปฏิบัติตามมาตรฐานสูงสุดของการเชือดตามหลักฮาลาล

เลี้ยงแบบออร์แกนิก

สัตว์ของเราเลี้ยงด้วยอาหารออร์แกนิก 100% ส่งเสริมสุขภาพที่ดีขึ้นของวีวพร้อมรสชาติที่โดดเด่นและครบถ้วนด้วยสารอาหาร

ไม่มีฮอร์โมน

เราทุ่มเทให้กับการเกษตรแบบธรรมชาติ ซึ่งหมายถึงไม่มีการใช้ฮอร์โมนเสริม

1. สเต็กริบอาย Angus Charolais Beef Ribeye

  • คำอธิบาย : เนื้อริบอายจาก Angus Charolais Beef ที่มีความนุ่มและรสชาติอร่อย เสิร์ฟพร้อมกับซอสเห็ดและมันฝรั่งบด

2.  สเต็กสันใน Angus Charolais Beef Tenderloin

  • คำอธิบาย : เนื้อสันในที่มีความนุ่มเป็นพิเศษ จาก Angus Charolais Beef ย่างจนสุกตามต้องการ เสิร์ฟพร้อมกับซอสบาร์บีคิว

จุดเด่นของการเชือด ระบบสุขอนามัย และมาตรฐานคุณภาพ

  • การเชือดที่ได้มาตรฐาน : การเชือดสัตว์ที่ Superior Quality Food เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่เข้มงวด เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อที่ได้มานั้นมีคุณภาพสูงสุดและปลอดภัยสำหรับการบริโภค
  • ระบบสุขอนามัยที่เข้มงวด : โรงงานและการประมวลผลของเราได้รับการรับรองมาตรฐานสุขอนามัยระดับสูง เรามีการตรวจสอบคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อที่ส่งถึงมือคุณนั้นสะอาดและปลอดภัย
  • มาตรฐานคุณภาพ : เราผ่านการรับรองจากหลากหลายองค์กรที่มีชื่อเสียงในวงการอาหาร และได้รับการตรวจสอบคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลี้ยงสัตว์จนถึงการประมวลผลและการจัดส่ง

สัมผัสประสบการณ์การทำสเต็กแต่ละส่วนกับเนื้อของเรา